หลักการทำงานของฟังก์ชั่นวัดค่าความกระด้างในน้ำของเครื่องLutron CD-4319sd

ปัญหาที่ทางลูกค้าพบเจอ

ค่าน้ำของลูกค้า Ec=0.279ms. Tds=184ppm Hd=139ppm เมื่อวัดด้วย cd-4319sd ส่วนน้ำที่ลูกค้าส่งไปให้ lab ทำการไทเทรต Hd=2ppm ซึ่งค่าที่ได้จะแตกต่างกันมาก

รายละเอียดของการไทเทรตดังนี้
1.เตรียมน้ำตัวอย่างโดยใช้ Eriochrome black T 3 ml
2.ไทเทรตด้วย EDTA 0.01N เติมต่อเพื่อรอการเปลี่ยนสี
3.ความแข็งรวม = EDTA มล.* 20 หน่วย ppm

คำตอบที่ได้จากทางโรงงานผู้ลิตเครื่องมือ

ค่า LT hardness value เป็นค่าความกระด้างของน้ำที่ได้จากการ แปลงค่ามาจากค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity)

สูตรการแปลงค่าระหว่าง Conductivity และ Hardness
ค่าตัวคูณการแปลง TDS – Conductivity
ค่าตัวคูณการแปลงระหว่าง TDS กับ Conductivity สำหรับเกลือทั่วไป (NaCl) คือ 0.5
ข้อจำกัดของการวัดค่า Hardness
ฟังก์ชันวัดค่าความกระด้าง (Hardness) ไม่สามารถปรับแก้ (Correct) ได้โดยตรงเนื่องจากค่าความกระด้างเป็นค่าที่ได้จากการแปลงมาจากค่า Conductivity
วิธีการปรับแก้ค่าความกระด้างให้ถูกต้อง
ให้ใช้เครื่อง CD-4319sd ปรับแก้ค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity) ด้วยสารมาตรฐาน 1413 µS ก่อน

หลังจากปรับค่า Conductivity แล้ว จะได้ค่าความกระด้างที่ถูกต้องเป็น 707 ppm เนื่องจาก
ค่าความกระด้าง (Hardness) = ค่า Conductivity (µS) × 0.5
ความสัมพันธ์ระหว่าง TDS และ Conductivity คืออะไร?
จะแปลงค่า EC เป็น TDS ได้อย่างไร?

คำตอบ:
เพื่อให้ได้ค่า TDS (โซเดียมคลอไรด์โดยประมาณ)ให้นำค่า EC (หน่วย µS/cm) คูณด้วย 1000 แล้วหารด้วย 2
และในทางกลับกันหากต้องการแปลงค่า ppm เป็น EC ให้คูณค่า ppm ด้วย 2 แล้วหารด้วย 1000

ตัวอย่าง:
หากค่า EC = 1
1 × 1000 ÷ 2 = 500 ppm